สิวอุดตัน
ชื่อภาษาอังกฤษคือ comedo หรือ comedones
มาจากภาษาละตินที่แปลว่ามีลักษณะคล้ายหนอน
เนื่องจากเวลาเราบีบหรือกดก็จะเห็นไขมันออกมาเป็นเส้นยาวๆคล้ายกับหนอน และเราจะจัดสิวอุดตันเป็นสิวที่ไม่อักเสบ (noninflammatory acne)
สิวอุดตันจะมีลักษณะเป็นเม็ดสิวเล็ก ๆ เวลาเราเอามือสัมผัสหน้าจะรู้สึกว่ามีความสากหรือขรุขระบนผิวหน้า
สิวอุดตันเป็นสิวชนิดที่พบได้มากที่สุด (มากกว่า 70% ของปัญหาสิวที่พบ) เกิดขึ้นกับทุกเพศทุกวัยโดยเฉพาะวัยรุ่น
สามารถพบได้ทุกส่วนของร่างกายไม่เพียงเฉพาะใบหน้า แต่สามารถพบได้บริเวณลำตัวทั่วไป แผ่นหลัง ลำคอ
มาดูกันก่อนว่า ต่อมขนและต่อมไขมันเป็นอย่างไร
ปกติแล้วบริเวณผิวหนังจะมี ต่อมขน ซึ่งเป็นแหล่งที่กำเนิดเส้นขน และใกล้ๆกับต่อมขนก็จะมีต่อมไขมัน ซึ่งทำหน้าที่ผลิตไขมันออกมาผ่านทางท่อต่อมไขมัน ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรูขุมขน และจะขับออกสู่ผิวหนังภายนอกต่อไป
บริเวณที่มีต่อมไขมันจำนวนมากได้แก่ บริเวณใบหน้า หนังศีรษะ ส่วนบนของหน้าอก และแผ่นหลัง ซึ่งเราจะสังเกตว่าสิวมักขึ้นบริเวณที่มีต่อมไขมันเยอะ
โดยเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจะมีสิวเพิ่มขึ้น ก็เนื่องจากมีการสร้างฮอร์โมนแอนโดรเจน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแสดงออกของเพศชายเพิ่มขึ้น ส่วนเพศหญิงก็มีการสร้างฮอร์โมนชนิดนี้เช่นกัน
ฮอร์โมนแอนโดรเจนจะกระตุ้นให้มีการเจริญเติบโตของเซลล์ในท่อต่อมไขมันกลายเป็น ขี้ไคลของรูขุมขน และกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตไขมันมากขึ้น ซึ่งทั้งสองปัจจัยนี้ล้วนก่อให้เกิดสิวอุดตันได้ทั้งสิ้น
ประเภทของสิวอุดตัน อาจจำแนกได้เป็น
แต่ตัวสิวยังอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งยังไม่สัมผัสกับสภาพแวดล้อมภายนอก จึงเรียกว่าสิวหัวปิด และสิ่งอุดตันก็ยังเป็นสีขาว จึงเรียกว่าสิวหัวขาว โดยจะพบว่ามากกว่าร้อยละ 75 ของสิวชนิดนี้จะพัฒนาเป็นสิวอักเสบ โดยอาจเกิดจากการเพิ่มจำนวนของเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อว่า Propionebacterium acnes (P. acnes)
3. สิวหัวดำ หรือสิวหัวเปิด
ตัวไขมันที่อุดตันอยู่ รวมถึงโปรตีนเคราตินซึ่งเป็นโปรตีนที่พบในผิวหนัง และสิ่งสกปรกอื่นๆที่อุดตันอยู่ เปิดออกสัมผัสกับอากาศภายนอก จึงเรียกว่าสิวหัวเปิด ซึ่งเกิดปฏิกิริยาทางเคมีที่เรียกว่าปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (oxidation) ทำให้ไขมันและสิ่งอุดตันกลายเป็นสีดำ จึงเป็นที่มาของสิวหัวดำนั่นเอง
สิวอุดตันเกิดจากอะไร
สิวอุดตันเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ โดยมีสาเหตุหลักๆมาจาก
การป้องกันสิวอุดตัน
1. การหลีกเลี่ยงปัจจัยส่งเสริมต่างๆ เช่น ไม่บีบสิว หรือแกะสิว
2. ไม่ล้างหน้าบ่อยจนเกินไป หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ก่อความระคายเคือง เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะกับสภาพผิว เลือกเครื่องสำอางที่ระบุว่ามีความอ่อนโยน และไม่ก่อให้เกิดสิวอุดตัน (noncomedogenic) รวมถึงเลือกผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมที่เหมาะสมเช่นกัน
3. การล้างหน้าให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
4. การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
5. การออกกำลังกาย
6. เพิ่มการรับประทานผักและผลไม้
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงแต่ป้องกันการเกิดสิวอุดตัน แต่ยังทำให้สุขภาพของเราดีขึ้นอีกด้วย
แต่บางปัจจัยเช่น การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนแอนโดรเจน เป็นปัจจัยที่อยู่เหนือการควบคุม ซึ่งการรักษาที่สาเหตุนี้ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์
รักษาสิวอุดตันด้วยการใช้ธรรมชาติบำบัด
▪สารสำคัญที่พบได้ในขมิ้นชัน คือ curcumin ซึ่งมีสรรพคุณทางสมุนไพรหลายประการ
▪สาร curcumin มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สามารถลดจำนวนเชื้อ acnes ในหลอดทดลองได้ร้อยละ 50 ถึง 96 ซึ่งขึ้นกับความเข้มข้นของสาร curcumin ที่ใช้
▪ขมิ้นมีสรรพคุณในการต่อต้านอนุมูลอิสระและสารพิษ ช่วยปกป้องโครงสร้างของผิวหนัง จึงช่วยป้องกันริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้สาร curcumin ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบอีกด้วย
[สูตรที่ 1] ขมิ้นสด ดินสองพอง และมะนาว
▪ผงขมิ้น 2 ช้อนชา
▪ดินสองพอง 1 ช้อนชา
▪มะนาว 1 ผล คั้นเอาแต่น้ำ
▪ผสมทั้ง 3 เข้าด้วยกัน จนได้เนื้อครีมข้น
▪นำเนื้อครีมในข้างต้นมามาส์กหน้าทิ้งไว้ 20 นาที
▪ล้างออกให้สะอาด อาจทำซ้ำได้ 2 ถึง 3 ครั้งต่อสัปดาห์
[สูตรที่ 2] น้ำมะนาว และเกลือ
▪นำน้ำมะนาวผสมกับเกลือ
▪นำไปพอกบริเวณสิวอุดตัน 30 ถึง 45 วินาที
▪ล้างออกด้วยน้ำอุ่น แล้วทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
▪ทำซ้ำสัปดาห์ละ 1 ถึง 2 ครั้ง
[สูตรที่ 3] ผงขมิ้น และน้ำผึ้ง
▪ผสมผงขมิ้นและน้ำผึ้งอย่างละเท่า ๆ กัน
▪เมื่อผสมเข้ากันแล้ว ทำนำมาขัดที่ผิวหน้าเบา ๆ
▪เมื่อขัดเสร็จแล้ว ให้มาส์กต่อ 5 นาที แล้วล้างออก
[สูตรที่ 4] น้ำขมิ้นสด นมสด และดินสอพอง
▪หั่นขมิ้นชันเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปตำให้แหลก เติมน้ำเล็กน้อย แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
▪บดดินสอพอง 5 ก้อน ให้แตกละเอียด
▪ผสมน้ำขมิ้น 1 ช้อนชา นมสด 1 ช้อนชา และดินสอพองที่บดแล้ว เข้าด้วยกันจนได้เนื้อเพสต์
▪นำส่วนผสมไปพอกหน้า ทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก
รักษาสิวอุดตัน ด้วยพลังจากไข่ขาว
▪ไข่ขาวสามารถช่วยดูดซับไขมันส่วนเกินที่ผิวหน้า รวมถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่
▪มีฤทธิ์ฝาดสมานอ่อน ๆ จึงช่วยลดการเกิดสิวได้
▪ช่วยลดขนาดรูขุมขน จึงช่วยลดการสะสมของสิ่งอุดตันต่าง ๆ
[สูตรที่ 5] ไข่ขาว และน้ำมะนาว
▪ผสมไข่ขาวกับน้ำมะนาวเข้าด้วยกัน
▪นำไปพอกที่ผิวหน้า ควรระมัดระวังอย่าให้สัมผัสกับดวงตา
▪ทิ้งไว้ 15 ถึง 20 นาที หรือจนแห้ง ล้างออกด้วยน้ำอุ่นก่อน แล้วจึงตามด้วยน้ำเย็นเพื่อปิดรูขุมขน
▪ในกรณีที่ผิวหน้าแห้งเกินไป อาจบำรุงผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ให้ความชุ่มชื้น
[สูตรที่ 6] น้ำผึ้ง
น้ำผึ้งแท้จากธรรมชาติ สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ คล้ายกับยาปฏิชีวนะอ่อนๆ ดังนั้น การนำน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ มาพอกหน้า 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำอุ่น
ครีมรักษาสิวอุดตัน
ครีมรักษาสิวอุดตันที่ใช้ได้ผลมีอยู่หลายตัวด้วยกัน โดยครีมที่ได้รับความนิยมมีดังนี้
1. ครีม BenZac ครีม BenZac เป็นครีมละลายสิวอุดตันที่ได้รับความนิยมมาก มีหลายความเข้มข้นให้เลือกใช้ เช่น 2.5%, 5% และ 10% เป็นต้น ในการเลือกใช้ควรเลือกตัวที่ความเข้มข้นน้อยสุด คือตัวยา 2.5% ก่อน
2. ครีมละลายสิวอุดตัน เรติน เอ (Retin A) Retin A หรือ Retinoic acid เป็นครีมลดสิวอุดตันที่ได้รับความนิยมมากชนิดหนึ่ง ช่วยทำให้ผิวหนังและรูขุมขนกลับมามีสภาพปกติ ลดการอุดตันของผิวหนังและการเกิดสิวอุดตัน
3. ครีม Differin ครีม Differin มีส่วนผสมของตัวยา Adapalene 0.1% สามารถใช้ทาละลายสิวอุดตันได้ดี โดยตัวยาจะแทรกซึมเข้าไปใต้ผิวหนังและละลายสิวอุดตันให้สลายตัวไป
4. ครีมละลายสิวอุดตัน BHA ครีมละลายสิวอุดตัน BHA (Beta Hydroxy Acid) เป็นครีมสำหรับละลายสิวอุดตันที่ได้รับความนิยมและได้ผลดี โดยจะมีสาร Salicylic Acid ช่วยซึมเข้าไปละลายไขมันที่อุดตันอยู่ใต้ผิวหนัง โดยมีผลข้างเคียงต่ำมาก
5. ใช้เลเซอร์ละลายสิวอุดตัน การใช้แสงเลเซอร์ในการละลายสิวอุดตันนั้น เป็นวิธีการที่ได้ผลดีมาก สามารถแก้ไขปัญหาการอัดตันได้ทั้งแบบลึกและตื้น แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง
Credit : https://www.catpick.com/สิวอุดตัน-วิธีรักษา/
http://www.เกร็ดความรู้.net/สิวอุดตัน/
http://www.eckee.com/different-types-of-acne/
http://alphadoctor.blogspot.com/2016/03/4-types-of-acne-attack-facial-frequently.html