โรคน้ำเหลืองเสีย คืออะไร รักษาอย่างไร
โรคน้ำเหลืองเสีย คือ อะไร
ภาวะน้ำเหลืองไม่ดี Poor lymph disorder คือ ปรากฏการณ์ที่อวัยวะมีการอัดอั้น (congestion) ระบายน้ำเหลืองไม่ราบรื่น
เมื่อเรื้อรังก็จะอุดอู้ ของเสียจะคั่งค้าง ไม่ถ่ายออกเทไป ทำให้ก่ออักเสบได้ง่าย
โดยเฉพาะเมื่อเกิดมีการแสลงอาหาร จากผลิตภัณฑ์สัตว์ (เนื้อไข่นม) ปนการแทรกซ้อนที่ติดเชื้อตามผิวหนัง
กลายเป็นโรคน้ำเหลืองเสีย Bad lymph sickness
โรคน้ำเหลืองไม่ดี มีอาการหลากหลายกว่าที่เราเคยรู้จักกันมา
อาจเรียกได้ว่าเป็นกลุ่มโรค Superfamily ที่ครอบคลุมไปถึง เช่น โรคสะเก็ดเงิน โรคผิวหนังผื่นคัน โรคSLE โรครูมาตอยด์ โรคบวมไขมัน โรคหลอดเลือดขอด โรคปวดเข่า(เสื่อม) โรคอ้วน โรคภาวะที่ช่วงล่างใหญ่ผิดสัดส่วน ต้นขาโต น่องอวบ โรคภาวะบวมต่างๆที่พบได้ในโรคเก๊าต์ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง รวมทั้งโรคมะเร็งและผลข้างเคียงจากมะเร็ง หรือจากการผ่าตัดรักษามะเร็ง
ความเรื้อรังแห่งโรคทั้งหลายที่เมื่อเป็นมานานถึงระยะหนึ่งก็จะก่อสภาวะน้ำเหลืองไม่ดี ซึ่งจะขยายความรุนแรงของอาการ และเพิ่มการลุกลามของโรค
ผู้ที่มาด้วยอาการน้ำเหลืองไม่ดี แท้จริงแล้วมีสาเหตุต่างๆดังนี้
1.โรคที่เกี่ยวกับการแพ้และภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ตั้งแต่ โรคภูมิแพ้ผิวหนังทั่วไป โรคภูมิแพ้ผิวหนังของเด็ก Atopic dermatitis ซึ่งเป็นโรคที่ความรุนแรงไม่มาก ไปจนถึงกลุ่มที่มีอาการมากและมีอาการทางผิวหนังด้วย เช่น SLE สะเก็ดเงิน โรค Bullous Phemphigoid (โรคที่ผมอยากจะเรียกว่าน้ำเหลืองไม่ดีตัวจริง)
2.โรคที่เกี่ยวกับการแพ้ที่มีสาเหตุ
เช่นการแพ้สารเคมี การแพ้สารจากสัตว์หรือพืชบางชนิด การแพ้สารก่อภูมิแพ้ที่มีในสิ่งแวดล้อมเช่นไรฝุ่น ขนสัตว์
3.ผิวหนังได้รับสารที่ระคายเคืองหรือสารที่มีฤทธิ์กัดกร่อน
เช่น ถูกสารเคมี (น้ำยาล้างห้องน้ำ ยาฆ่าแมลง ปุ๋ย)
4.การติดเชื้อ
เช่น งูสวัด เริม เกลื้อน กลาก ผิวหนังเกิดการติดแบคทีเรียหรือเชื้อโรคอื่นๆซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเอง หรือการที่ผิวหนังมีบาดแผลแล้วติดเชื้อซ้ำเข้าไป
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก: หมอแมว
วิธีการรักษาโรคน้ำเหลืองเสีย
วิธีการรักษานั้น ว่ากันว่ามีหลายวิธี
“วิธีรักษาน้ำเหลืองไม่ดี ด้วยการ " เลือกทานอาหารเพื่อดูแลปอด”
จากการสืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลรักษาอาการที่เราเรียกกันว่าน้ำเหลืองไม่ดี
การแพทย์แผนจีนเชื่อว่าหากผิวหนังไม่ดีย่อมเกิดจากปอด
ดังนั้นอาการที่แสดงออกมาทางผิวหนัง “ที่เราเรียกว่าน้ำเหลืองเสีย”
เกิดจากปอดที่ไม่แข็งแรง แล้วส่งผลให้ชั้นของผิวหนังเกิดอาการแพ้ง่าย เป็นที่มาของการขับของเสียหรือพิษผุดออกมาทางผิวหนัง หากผู้อ่านทำการรักษากับแพทย์ที่ใช้การฝังเข็ม แพทย์ที่ชำนาญจะทำการเน้นโดยเลือกจุดใน “เส้นปอด” พร้อมกับการจ่ายยาประเภทที่ช่วยบำรุงรักษาปอดควบคู่กันไป
“วิธีรักษาน้ำเหลืองเสียด้วยการเลือกทานอาหาร”
พยายามเลือกทานอาหารที่ช่วยบำรุงรักษาปอดและผิวหนัง โดยให้พยายามงดการทานอาหารที่มีรสจัดมาก, งดทานของหวาน,ของมันและ ของทอด, งดทานเนื้อสัตว์โดยเลือกกินให้พอดีในแต่ละมื้อ และพยายามเพิ่มปริมาณการทานผักให้มากขึ้น เพราะหากผู้ที่มีอาการน้ำเหลืองเสียไม่ทานผัก จะส่งผลต่อระบบขับถ่าย ทำให้การขับของเสียและพิษไม่ดี “อยากผิวดี ต้องกินผัก” โดยอาจจะเลือกทานผลไม้และจิบชาประเภทใบหม่อน, ชาเก๊กฮวย
ควรพยายามออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ ไม่เครียดและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่ทำร้ายผิว “ไม่ทำให้ผิวแห้ง” หรืออาจจะเลือกใช้ประเภทที่เป็นสมุนไพร และเพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างถูกต้อง ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจสุขภาพและวิเคราะห์โรคได้อย่างถูกต้องต่อไป
“แก้ปัญหาผิวที่เกิดจากอาการน้ำเหลืองเสีย ด้วยการทำให้ผิวหนังแข็งแรงขึ้น”
โดยการทานอาหารที่อุดมไปด้วย เบต้าแคโรทีน ซึ่งมีอยู่ในผักและผลไม้ที่มี สีเขียว, เหลือง, แดง, ม่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักและผลไม้ที่มี สีเขียว, เหลือง, แดง, ม่วง ยิ่งมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งมีเบต้าแคโรทีนสูงเท่านั้น
ผักและผลไม้ที่จะทำให้เราสามารถบอกลาปัญหาน้ำเหลืองไม่ดี ได้แก่ ผักคะน้า, ใบตำลึง, ใบชะพลู, ผักบุ้ง, แครอท,
มะละกอ, แตงโม, สับปะรด, ฟักทอง, บีตรูท นอกจากนี้ วิตามินอี ที่อยู่ในธัญพืชต่างๆ เช่น ข้าวกล้อง, เมล็ดทานตะวัน,
จมูกข้าวสาลี ก็เป็นตัวบำรุงผิวหนังของผู้มีอาการน้ำเหลืองเสียได้เป็นอย่างดี
และในข้าวกล้อง ยังมีวิตามินบี 5 ซึ่งจัดเป็นวิตามินที่มีฤทธิ์แก้แพ้ ช่วยทำให้ผิวหนังแข็งแรงเพิ่มขึ้น
อีกทั้งในเมล็ดทานตะวันยังมี Zinc ซึ่งมีฤทธิ์ในการลดรอยแผลก็น่าสนใจ
สำหรับผู้ที่มีปัญหาน้ำเหลืองเสีย และกำลังมองหาวิธีดูแลผิวหนังของคุณให้ดีขึ้น
แนะนำทานข้าวกล้อง 3 มื้อ โดยให้โรยธัญพืช เช่น งาดำ, จมูกข้าวสาลี, เมล็ดทานตะวัน สัก 2 ช้อนโต๊ะ,
อาจจะทาน ผักสด เน้นผักใบเขียวประมาณ 2 จาน, ถ้าเป็นผลไม้ เน้นสีเหลือง, แดง, ม่วง จำนวน 2 ผล หรือจะใช้น้ำผลไม้คั้นสด 1 แก้วก็ได้
ไม่ยากเลยใช่ไหม กับการดูแลผิวหนังที่โดนผลกระทบจากอาการน้ำเหลืองไม่ดี คุณผู้อ่านก็สามารถปฎิบัติได้ด้วยตัวเองได้
อีกทั้งราคาของ ผักและผลไม้ก็ไม่แพงจนเกินไปอีกด้วย พยายามปรับเรื่องอาหารการกินตั้งแต่วันนี้
แล้วมาดูผลที่ได้รับกัน คุณอาจจะแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“อาบน้ำร้อนสลับน้ำเย็นจะช่วยให้ผิวน้ำเหลืองเสียดีขึ้น”
ตามหลักวิทยาศาสตร์จะพบว่า
เมื่อเราอาบน้ำด้วยน้ำร้อนเส้นเลือดจะขยายตัวเพิ่มขึ้นพร้อมกับการสูบฉีด เลือด
เมื่อสลับไปอาบน้ำเย็นทันทีในทางตรงกันข้ามกันเส้นเลือดก็จะหดตัว ทำให้เส้นเลือดเกิดการใช้งานอยู่เสมอและส่งผลดีต่อความแข็งแรงของผิวอีกด้วย
เมื่อลองมาประยุกต์ใช้กับผู้ที่กำลังมีปัญหาผิวอ่อนแอจากอาการน้ำเหลืองไม่ดี น่าจะส่งผลดีต่อเนื่องกันไปด้วย
เพราะการดูแลรักษาผิวน้ำเหลืองไม่ดีให้กลับมาดูดีอีกครั้งนั้น ต้องเริ่มจากการเพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวก่อนเป็นอันดับแรก
วิธีการอาบน้ำร้อนสลับเย็นถือเป็นวิธีที่ดีอีกทางหนึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้ได้กับทุกวัย
เช่น วัยเด็กที่มีภูมิต้านทานน้อยอาจส่งผลให้เกิดอาการป่วยจากหวัดได้
และในวัยสูงอายุก็อาจจะไม่เหมาะนักสำหรับวิธีนี้ เพราะด้วยเส้นเลือดอาจจะเสื่อมไปตามวัยและไม่เหมาะที่จะขยายเส้นเลือดในแบบ รวดเร็ว อาจส่งผลเสียมากกว่าผลดี จึงต้องระมัดระวัง
เทคนิคการอาบก็ไม่ยาก เพียงต้มน้ำอุ่นๆหรือจะใช้เครื่องทำน้ำอุ่นก็ได้ อาบสักประมาณ 5 นาทีจนร่างกายรู้สึกอุ่น
จากนั้นก็สลับอาบน้ำเย็นต่อ 5 นาที ซึ่งจะส่งผลให้รู้สึกสดชื่นและขอแนะนำให้อาบในช่วงเช้าเพื่อให้ได้ผลสูงสุด
แถมช่วยให้หน้าตาสดชื่นจากการสัมผัสกับน้ำเย็นๆอีกด้วย
“รักษาด้วยด่างทับทิม”
คุณสมบัติของด่างทับทิมฆ่าเชื้อและสมานแผล
ด่างทับทิมช่วยฆ่าเชื้อแผลที่เกิดจากอาการน้ำเหลืองเสีย เพียงนำกาละมังผสมกับน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่น ไม่ต้องร้อนจัด เทผงทับทิมลงไปเพียงให้น้ำเป็นสีชมพู คนให้เข้ากัน แช่แขนและขา หรือส่วนที่ต้องการลงไป หากพื้นที่แช่ไม่พอ ให้ทำการใช้มือกวักน้ำลูบแผลเบาๆโดยไม่ต้องถู นาน 20-30 นาที ทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่มีคนเถ้าคนแก่แนะนำว่า ควรทำตอนช่วงเย็น 18.00-20.00น. จะช่วยเกี่ยวกับเรื่อง Spa ได้อีกด้วย
"เบคกิ้งโซดา"
มาใช้ถูผิวขัดผิว จนถึงขนาดที่ผลออกมาในระดับที่น่าพอใจนั้น ทำได้จริงหรือ?
ประโยชน์ : โซเดียมไบคาร์บอเนต หรือ เบคกิ้งโซดา สามารถใช้ขัดผิวกายและผิวหน้า ให้เนียนนุ่มและสดใส
วิธีใช้สำหรับผิวกาย :
ผิวกายสองครั้งต่อสัปดาห์ หากไม่แน่ใจหรือทดสอบการแพ้ ให้ลองหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์
เทลงบนฝ่ามือ ถูนวด ขัด ไปพร้อมกับการฟอกสบู่ *อาบน้ำ ถู นวด ไม่ต้องแรง วนตามคอ, รักแร้,แขน, ขา แล้วล้างน้ำออก
จะสามารถสัมผัสได้เลยว่า ผิวจะเกลี้ยง สะอาด นุ่มเนียนมาก เหมือนจับผิวเด็กเล็ก
ควรทาครีมบำรุงผิวกายหลังอาบน้ำเสร็จ
5 สุดยอด! สมุนไพรแก้อาการคัน
สมุนไพรไทยที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน มีคุณสมบัติที่เอื้อประโยชน์ให้กับการดูแลผู้ที่มีปัญหาน้ำเหลืองไม่ดี อาทิ การลดอาการคัน แก้ไขตุ่มคัน รักษาหนอง รวมถึงผิวที่มีอาการคันมาก จนถึงขั้นปวดแสบปวดร้อน
ใบเหงือกปลาหมอ
ตำราไทยกล่าวว่า เหงือกปลาหมดสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
โดยคุณสมบัติเด่น คือ แก้น้ำเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆ ได้ บรรเทาอาการผื่นคัน และลมพิษ แก้แผล ฝี พุพอง ประดงแผลงูสวัด เริม
พลู : ทาแก้คัน
วิธีใช้ใบพลูแก้คันทำไม่ยาก แค่เอาพลู 3-4 ใบไปตำจนได้น้ำออกมา เติมเหล้าขาวลงไปนิดหน่อย จากนั้นก็กรองเอาแต่น้ำแล้วยกขึ้นซด เอ๊ย! เอาไปทาแผล ไม่นานอาการคันจะหายเป็นปลิดทิ้ง
ไพล : ทำให้ผิวไม่คัน
คนไทยเราไม่นึกถึงไพลเฉพาะเวลาที่ถูกเฆี่ยน เวลาคันๆไพลก็มีประโยชน์เหมือนกัน วิธีใช้ก็คล้ายๆขมิ้นคือ ต้องเอาเหง้าไพลไปตำหรือบดละเอียดผสมกับน้ำ จะช่วยให้ผิวที่คันคะเยอปวดแสบปวดร้อยหายได้
ขมิ้นชัน : สวย เนียน เมื่อทาผิว
ขมิ้นชันเป็นสมุนไพรที่ดีต่อผิวหนังอยู่แล้ว สาวๆโบราณเขาถึงได้เอามาทาผิวให้สวยเนียนจนท่านเจ้าคุณอยากสัมผัสยังไงล่ะ ฮะ! และเวลาที่เกิดอาการคันถ้าเอาขมิ้นชันสดๆมาล้าง ตำให้ละเอียดแล้วเอามาทาที่แผล ก็จะช่วยให้ผิวหายคันได้อีกด้วย
ใบกะเพรา : จัดการตุ่มและรักษาหนอง
กะเพราไม่ได้เกิดมาเพื่อเด้งดึ่งอยู่ในกระทะคู่กับ หมู น้ำปลา จนกลายเป็นผัดกะเพราเพียงอย่างเดียว เวลาเกิดอาการคัน ถ้าเราสามารถเอาใบกะเพราสดมาขยี้แรงๆจนละเอียด แล้วทาตรงบริเวณจุดแผลที่คันก็จะหายไป แถมยังไม่มีตุ่มคันบวมหรือหนองขึ้นด้วย
เครดิต : http://www.blogtika.com/blog/index.php/yellowwatererror